หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
ยินดีต้อนรับ,บุคคลทั่วไป. กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.
เมษายน 25, 2024, 07:56:16 pm
ข่าว: SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: Top 30 sci-fi + Fantasy + special effect movies หนังเทคนิค หนังไซไฟ หนังแฟนตาซี  (อ่าน 118551 ครั้ง)

Group: Global Moderator
Hero Member
*****

กระทู้: 1420
https://www.avelaclinique.com/
13. The Abyss (1989)






หนึ่งหนังเจ๊งเละเทะ เรื่องแรกๆของ เจมส์ คาเมรอน ที่นำเทคนิคใหม่มาใช้ได้อย่างวิจิตรพิสดาร ชนิดที่คนดูหนังสมัยนั้นต้องตาค้างบวกขนลุก ว่าหนังสามารถทำได้ขนาดนี้เลยหรือ



 ตอนสร้างใหม่ๆ คาเมรอนมั่นใจว่านี่ต้องเป็นหนังที่ทำเงินและสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่แน่นอน เพราะถูกกล่าวขวัญว่าจะเป็น Close Encounters of the Third Kind (1977)ของยุคนั้น



หนังเล่าถึงทีมงานใต้มหาสมุทร ที่ไปพบเจอมนุษย์ต่างดาวที่อยู่ใต้ทะเล




 แต่ผลคือต้องหน้าหงายผิดหวังไปอย่างเจ็บช้ำ แม้จะได้รับการวิจารณ์ในแง่ชื่นชมมากมายก็ตามที โดยเฉพาะฉากน้ำที่เป็นต้นกำเนิดของ Terminator 2: Judgment Day (1991) ของเจ้า T 1000 กับ into the deep และ TITANIC ที่พี่คาเมรอนแกติดใจเรื่องฉากใต้น้ำ





ผมดูหนังเรื่องนี้พร้อมอารมณ์ที่ว่ามันทำได้ไงวะ อึ้งทึ่งแบบไม่เสียว สนุกมีจุดหักมุมมากมาย ตื้นเต้นกับแนวคิดที่ว่ามนุษย์ต่างดาวน่ะไม่ได้อยู่ไหนไกลหรอก แต่อยู่ในมหาสมุทรสุดลึกนั่นแหละ แต่ก้ไม่เข้าใจอีกนั่นแหละว่าพวกไอ้กันนี่เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ หนังที่แทบครบองค์ประกอบแบบนี้กลับไม่ทำเงินเลย ทุนกว่า 80 ล้านเหรียญ แต่ทำเงินในอเมริกาเพียง 54 ล้านเหรียญกว่าๆ รวมทั่วโลกแค่ 90 ล้านเหรียญ แต่ก้ได้รางวัลออสการ์  Best Visual Effects ปีนั้นไปปลอบใจครับ





เทคนิคในการทำน้ำให้มีชีวิตขึ้นมาเกิดจากการสร้างเฟรมคลื่นเหมือนในหนังอนิเมชั่นเก่าๆ แบบ stop motion กันเลย แต่ให้ความละเอียดของแสงเข้าไป เเล้วสร้างเฟรมต่อเฟรม โดยใช้เวลาการสร้าง 75 วินาทีของหนังถึงครึ่งปี ส่งผลให้หนังต้องออกฉายล่าช้า นี่ยังไม่รวมเจ้ามนุษย์ต่างดาวที่เหมือนแมงกระพรุนนะครับ โดยอยู่ในความรับผิดชอบของ ILM





แม้ว่าหนังจะเจ๊ง แต่หนังเรื่องนี้เป็นต้นแบบของเจ้า T1000 ในหนังคนเหล็กภาคสอง ที่ทำเงินถล่มทลายครับ เเละทำให้ เจมส์ คาเมรอนเป็นหนึ่งในคนที่ต้องจับตามองเพราะเเกคิดอะไรใหม่ๆมาให้วงการเสมอ 



THE ABYSS - Trailer ( 1989 )

making of the abyss-part 1



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 26, 2020, 03:18:23 pm โดย TEAW »


---------------------------
   

Group: Global Moderator
Hero Member
*****

กระทู้: 1420
https://www.avelaclinique.com/
14. A Trip to the Moon (1902) Le Voyage Dans la Lun (A Trip to the Moon) by Georges Méliès






หนังแฟนตาซีของ จอร์จ เมลีแอส์ ที่จัดเป็นหนึ่งในหนังคลาสิกที่สร้างจินตานาการใหม่ๆทั้งไอเดีย ภาพถ่าย สมัยนั้นแค่คิดจินตนาการได้เท่านี้ก็สุดยอดแล้ว


เป็นภาพยนตร์เงียบและหนังสั้นๆความยาวยังไม่ถึง 14 นาทีเลยครับ เป็นหนังที่มาอิงกับหนังดังคือ HUGO ที่เพิ่งได้รางวัลไปเมื่อสองปีก่อน




จัดเป็นหนังแนว   Expressionism เรื่องแรกๆของโลก คือหนังที่ไม่สนใจหลักความจริงนัก


หนังเล่าเรื่องคนที่ดั้นด้นนั่งจรวดไปลงดวงจันทร์ที่มีหน้าตาครับ หาชมหนังได้ youtube ง่ายๆ ไม่เสียสตางค์ครับ นี่คือหนังเทคนิคเชือกโยงง่ายๆ แต่ใช้วิธีเลื่อนรูปเอาครับ  ส่วนจินตานาการก็กินขาดแล้วครับ ซึ่งก็มีการนำภาพไปล้อเลียนอีกมากมายกับหนังคลาสิกเรื่องนี้ครับ



Le Voyage Dans la Lun (A Trip to the Moon) by Georges Méliès (1902)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 26, 2020, 03:20:50 pm โดย TEAW »


---------------------------
   

Group: Global Moderator
Hero Member
*****

กระทู้: 1420
https://www.avelaclinique.com/
15.The Seventh Voyage of Sinbad (1958)








ผลงานสุดยอดของ Ray Harryhausen และ Charles H. Schneer เรื่องราวของซินเเบดกับทะเลเจ็ดคาบสมุทร ที่ใช้ระบบซ้อนภาพและสต็อปโมชั่นเข้าช่วย ถือว่าเป็นหนังที่มีเทคนิคถ่ายทำในหลายฉากใช้เวลาถ่ายทำถึง 11 เดือน และมีภาคต่อต่อมาคือ The Golden Voyage of Sinbad





 Ray Harryhausen  เกิด 1920 เป็นเจ้าพ่อหรือบิดาแห่งงาน stop motion ดังมาจาก Mighty Joe  Young และ 7 th Voyage of Sinbad  เขาเป็นที่นับถือมาในฮอลลิวู๊ด



ทั้งมีการสร้างรางวัลในชื่อเขา มีการนำชื่อเขาไปใช้ในหนัง เช่น Monster inc. ที่มีร้านขายอาหาร (อาหารจีนรึเปล่าผมไม่แน่ใจ) แล้วตั้งชื่อร้านว่า Harry Hausen ,หรือ จะฉากหนัง Mars Attack ของ Tim Berton ที่ดึงฉากของ Harryhausen มาเลย




ย้อนมาดูหนังของผกก ดัง The Valley (film) 1976 เป็นหนังเรื่องแรกของ ปีเตอร์ แจ็กสัน ในวัยเพียง  15 เหมือนในหนัง super 8 ของสปีลเบิร์ก ครับ เป็นหนังที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก The Seventh Voyage of Sinbad  นี่ล่ะ


หนังเรื่องนี้เขาทำร่วมกับเพื่อนๆและตัวเขาเองแล้วก็ร่วมแสดงด้วย เนื้อเรื่องเล่าถึงนักสำรวจน้ำมันในหุบเขาแล้วดันไปพบรอยแยกของเวลาทะลุข้ามิติไปต่อสู้กับสัตว์ประหลาด ( Cyclops ) หนังยาวแค่ 20 นาทีแต่ใช้เวลาทำไปกว่าสามเดือน นั่นก็มาจากการฝังใจจากหนังของ  Ray Harryhausen




Sinbad - Cyclops Scene 1





หนัง The Seventh Voyage of Sinbad นี้เองคือต้นกำเนิด การทำ stop motion จากหุ่น รูปปั้น หุ่นดินเหนียว ที่ทำการมากมายจนปัจจุบันนี่ล่ะครับ


The 7th Voyage Of Sinbad (1958) - Trailer

Ray Harryhausen Interview

The Harryhausen Chronicles 1/6





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 26, 2020, 03:25:22 pm โดย TEAW »


---------------------------
   

Group: Global Moderator
Hero Member
*****

กระทู้: 1420
https://www.avelaclinique.com/
16. Blade Runner (1982)



หนึ่งหนังขวัญใจของผมและใครหลายๆคน กับความฝันโลกในอนาคตที่ดูดีมีชาติตระกูลที่สุดนับแต่มีหนังแนวอนาคตสร้างมา





หนังที่เล่าเรื่องราวในอนาคตของของการไล่ล่า อาชญากร ที่กำกับโดย Ridley Scott มันได้รับการกล่าวขวัญว่านี่คือต้นแบบแห่งเมืองในโลกอนาคต







 รายละเอียดถูกใส่เข้าไปในหนังไม่เว้นแม้แต่เสาไฟในอนาคต รถยนตร์ ทุกอย่างล้วนแต่มาจากจินตนาการล้วนๆ





หรือแม้แต่ปืน มันสวยจริงๆเลย







ฉากเหลือจะกล่าว เมืองในอนาคตมันล้ำมากๆ เครื่องแต่งกายที่ลงตัว อะไรก็เพอร์เฟ้คไปหมดครับ เหลือบรรยาย สมเกินบรรยายจากนวนิยายขายดีของ  Philip K. Dick ที่ผู้เขียนเองคงนึกไม่ถึงว่าผู้สร้างจะทำจินตานาการแกได้สมจริงเพียงนี้ครับ




แม้หนังจะไม่ทำเงินมากมายอะไร แต่สำหรับคนรักหนังไซไฟนี่คือปฐมบทแห่งการจินตานาการอนาคตได้สมจริงและสัมผัสได้




แถมหลายๆฉากเป็นแบบแผนให้หนังไวไฟยุคถัดมาไม่ว่าจะ Total recall , The fifth elements ครับ



Blade Runner - Official Trailer [1982]

Blade Runner (1982) Behind The Scenes
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 26, 2020, 03:40:18 pm โดย TEAW »


---------------------------
   

Group: Global Moderator
Hero Member
*****

กระทู้: 1420
https://www.avelaclinique.com/
17.Metropolis (1927)





อีกหนึ่งต้นแบบโมเดลหนังไซไฟที่โลกเคยมีมาแถมยังมาจากยุโรปซะด้วย เมโทรโพลิสเป็นหนังต้นกำเนิดของจินตานาการเกี่ยวกับอนาคตและอวกาศที่ดีเรื่องหนึ่ง



ถ้าไปถามนักดูหนังเเบบเชี่ยวๆ ว่ามีหนังที่สร้างออกมาได้ล้ำเกินยุคของหนังนั้นๆ เมโทรโพลิส ของ ผกก. Fritz Lang  ต้องติดหนึ่งในสามอันดับแรกแน่นอน





การนำเอา ฉากจินตานาการในยุค 2000 มานี่ พูดได้คำเดียวว่าสุดยอดครับ (หลายฉากนี่ blade ruuner ลอกมาปรับปรุงเลยครับผม)




นี่คือสุดยอดหนังเงียบจากแดนอินทรีเหล็กเยอรมันครับ ของผกก Fritz Lang มันไม่ใช่แค่ดีแค่จินตนาการ มันยังมีการใช้ฉากภาพ โมเดล เครื่องแต่งกาย เหนือจินตนาการครับ แม้เทคนิคจะง่ายๆแบบหยุดเเทนที่ภาพ แต่นี่คือต้นแบบจริงๆครับกับการแทนที่ภาพที่เเทบจะไม่หลุดเลย




ยิ่งฉากเมืองที่เป็นต้นแบบหนังอย่างสตาวอร์ เดอะฟิฟอีลีเมนท์ก็เยี่ยมครับ มีถนนหลายชั้น มีโทรศัพท์ภาพ facetime ซะด้วย  และคนที่ทำเทคนิคพิเศษให้หนังคือ  Eugen Schüfftan ที่ถือว่าเป็นหนึ่งในต้นแบบการสร้างฉากจำลองขนาดเล็กมาใช้ในหนัง ซึ่งนำมาใช้ก่อนฮอลลีวู๊ดซะอีก พูดง่ายๆคือมาก่อน 2001 และ สตาร์วอส์ล่ะครับ



Metropolis (1927) - trailer

Metropolis 1927 [Sci-fi] Full Movie


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 26, 2020, 03:45:38 pm โดย TEAW »


---------------------------
   

Group: Global Moderator
Hero Member
*****

กระทู้: 1420
https://www.avelaclinique.com/
18. Jaws (1975)



หนังเรื่องที่ทำให้สปีลเบิร์กมีทุกวันนี้ครับ ตามด้วย Close Encounters of the Third Kind (1977) และ   E.T. the Extraterrestrial (1982)





จอว์วใช้เทคนิคของการใช้หุ่นยนตร์ที่ทำในหลายรูปทั้งส่วนปาก ทั้งตัวก็หลายขนาด  มีการนำระบบไฮโดรลิกมาใช้กับหุ่น ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีหุ่นที่อยู่ในน้ำได้ และเป้นต้นแบบหุ่นของไดโนเสาร์ใน จูราสสิกพาร์กด้วยครับ





ผลจากหนังเรื่องนี้ทำให้เกิดภาวะ sea phobia คือกลัวฉลามเกิดขึ้นมากมายทั่วดลก






และที่สำคัญฉลามถูกนำมาโยงในเหตุการณ์เรือหาย คนหายไปในทะเลมากมาย



ซึ่งต่อมาผลจากหนังเรื่องนี้ทำให้ฉลามทั่วโลกถูกฆ่าตายไปทุกสายพันธ์กว่า 2 หมื่นตัว เรียกได้บางทะเลบางแห่งนี้สูญพันธ์ไปเลย





ภาวะความกลัวที่เกิดจากหนังสมจริงมากรวมถึงทำนองธีมที่ได้ยินทีไรต้องนึกถึงกระโดงครีบงามๆของมันทุกที ความนิยมของฉลามและการเล่นกับความกลัวของมนุษย์นี่




จอว์ซถือว่าเป็นพี่เต้ยตลอดกาลครับ ก็พี่เล่นทุนสร้างแค่ 7 ล้านเหรียญฟันไปทั่วเลกกว่า 500 ล้าน คิดเป็นเงินปัจจุบันก็สูงที่สุดสำหรับหนังเกี่ยวกับน้ำแล้วครับ



และปัจจุบันของเล่นที่มาจากหนังเรื่องนี้แพงมากๆนะครับ เจ้า Jaws my name is bruce (คือชื่อเล่นของมันนะครับว่า bruce ) sideshow ผมเขียนไว้ใน

https://www.route035.com/webboard/index.php?topic=174.20
หัวข้อ: 50 ของเล่น ของสะสมจากหนัง ภาพยนตร์ การ์ตูน (หายาก-ไม่ยาก) ที่น่าสะสม my toy collection







ระดับราคา : เจ้า Jaws my name is bruce (คือชื่อเล่นของมันนะครับว่า bruce ) sideshow นี่ราคาพุ่งเอาพุ่งเอาเมื่อก่อนผมเห็นเเค่ ระดับราคา $600-800 นะครับที่เขา bid กันเเต่ตอนนี้ของเริ่มหายากก็โก่งกันไปที่ $1,200 เข้าไปเเล้ว นี่ไม่รวมค่าขนส่งนะครับที่อย่างน้อยค่าส่งไม่น่าต่ำกว่า $300 แถมด้วยศุลกากรคงฟันซะ 4,000-5,000 บาทเเน่ เบ็ดเสร็จถ้าซื้อกันตอนนี้ต้องเสียไม่ต่ำกว่า เบ็ดเสร็จ 50,000 บาทครับถ้าจะเอาตัวนี้ตอนนี้ครับ เผลอไม่ส่งด้วยมั้งเพราะมันหนักมากๆ ค่าส่งหมื่นบาทจะพอไหมยังไม่ทราบเลยครับ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 26, 2020, 03:52:08 pm โดย TEAW »


---------------------------
   

Group: Global Moderator
Hero Member
*****

กระทู้: 1420
https://www.avelaclinique.com/
19. Alien (1979) + Aliens (1986)







ริดลี่ สก็อตต์+ H.R. Giger+ Ron Cobb  คือผลงานของหนังมนุษย์ต่างตาวประมาณสัตว์ประหลาดที่ลงตัวมากที่สุดตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน เป็นหนังไซไฟ ทริลเลอร์อวกาศที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา พูดตรงๆผมดู Prometheus แล้วมันไม่ได้ทึ่งอะไรเหมือนตอนดู เอเลี่ยนทั้งสองภาคนี่เลยครับ
 


การกำกับที่เน้นโทนหม่นโดยเอาแบบมาจากมุมมืดของดวงจันทร์และการออกแบบสัตว์ประหลาดที่เหลือรับประทานของ



 เอชอาร์ไกเกอร์ การออกแบบคอสตูมดีไซด์ ฉากอวกาศ ยานอวกาศ ของคอบบ์ ทำให้หนังสมจริง สวยงาม น่ากลัวและตื่นเต้นมากๆ แค่ฉากเตียงที่ให้หลับนี่ก็จินตนาการได้วิเศษเลย ขนาดไมเคิล เเจ้กสันแกยังสั่งเลียนแแบบมานอนเลยครับ





แม้หนังจะไม่ได้มีเทคนิคอะไรใหม่ๆ เพราะแค่ใช้การใช้หุ่น กาวยาง หุ่นเอเลี่ยนนี่ใช้คนสวม






แต่มันสำคัญที่หนังใส่ใจรายละเอียดตั้งแต่รูปของไข่ ตัวอ่อนของมัน คิดกระทั่งรูปแบบการเติบโตในตัวคน แต่ที่สำคัญคือฉากเทคนิคการใช้สกินปลอมแบบใหม่ที่ดูยืดหยุ่นมากในฉากที่สัตว์ประหลาดตัวเล็กออกจากท้องคน ที่ดูสมจริง น่ากลัวและตกใจครับ ดูฉากนี้เเล้วนึกถึง The things ขึ้นมาทันที





ยิ่งสานต่อด้วยภาคสองของคาเมรอนนี่ยิ่งสุดยอดเข้าไปใหญ่โดยเฉพาะฉากหุ่นยนตร์ LOADER สู้กับเอเลียนนี่สุดๆไปเลย เจ้าหุ่นยนตร์ทำงานนี่ก็กลายเป็นต้นแบบของหนังหลายๆเรื่องในปัจจุบันรวมทั้ง AVATAR ไหนจะฉากหุ่นแอนดรอยตอนตัวขาดก็สมจริงเอามากๆ



Alien (1979) Trailer

Alien (1979) Behind The Scenes [1/2]


Making of Aliens 1986 documentary (2003)



อีกครั้งที่ของเล่นจากหนังเรื่องนี้เป็นของที่หายากเอามากๆครับ


https://www.route035.com/webboard/index.php?topic=174.0
หัวข้อ: 50 ของเล่น ของสะสมจากหนัง ภาพยนตร์ การ์ตูน (หายาก-ไม่ยาก) ที่น่าสะสม my toy collection









ตอนนี้เห็นขายๆในอีเบย์ อยู่ที่ประมาณ $999 สำหรับ power loader sideshow เเละ $ 1,200 สำหรับ Alien Queen sideshow แต่ก็เห้นมีบ้างที่เขาเอามา bid กันต่ำๆเเต่ก็เเย่งกันมันไปเลยครับ ผมว่ามันอยู่ที่จังหวะ ถ้าจังหวะดีๆอาจได้ราคาเเค่ประมาณ $700 ต่อตัวก็ได้ ครับ แต่มูลค่่าโดยรวมตอนนี้รวมครบเซ็ทน่าจะตกที่ $2,000 เหรียญนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 26, 2020, 04:04:21 pm โดย TEAW »


---------------------------
   

Group: Global Moderator
Hero Member
*****

กระทู้: 1420
https://www.avelaclinique.com/
20.The Polar Express 3D 2004



นอกจากจะใช้ คอมพิวเตอร์กราฟฟิกในการสร้างภาพที่คอนเวิร์ดมาจากฉากคนแสดงเเล้ว





 ถือเป็นหนังที่  motion capture computer-animated fantasy film สมบูรณ์แบบเหมือนจริงเรื่องเเรกเลย  ( เทคนิคนี้ใช้กับกอลลั่มใน LOTR , avatar , rise of plane of ape )





และเป็นหนังที่บรรจุใน Guinness World Book of Records ปี 2006 ว่าเป็น the first all-digital capture film หรือหนังเรื่องแรกที่ใช้การคอนเวิร์ดภาพไปเป็นการ์ตูนนั่นเอง



และควรเป็นเรื่องแรกในโลกที่นักเเสดงอย่างทอม แฮงก์ แสดงเป็นตัวละครในการ์ตูนทั้งหมด 6 ตัวเลย



 ตัวหนังของเซเมคิสยังสร้างรูปแบบ 3 D ออกมาปฏิวัติวงการ ถ้าใครมีโอกาสดูรูปแบบเวอร์ชั่น สามมิติ ในจอที่ใหญ่หน่อยล่ะก็รับรองอ้าปากค้างไปกับรายละเอียดที่เล็กหน่วยย่อยของเซนตืกันเลย ภาพแต่ละจุดสวยงามสมจริง




โดยเฉพาะคาร์เเร็กเตอร์แฮงค์ที่แสดงเป็นต้นแบบตัวละครหลายต่อหลายตัวที่เป็นผู้ใหญ่ แม้หนังเรื่องต่อมาอย่าง beowulf กับ คริสมาสตร์แครอล ผมว่ายังไม่เนียนเท่าเรื่องนี้เลย



จะมีการ์ตูนเรื่องไหนที่สมจริงกว่าเรื่องนี้เหรอ นอกจาก AVATAR ที่เป็นกึ่งการ์ตูน แต่เจ้าโพล่าเอกเพรสร์นี่ล่ะครับที่เป็นการ์ตูนที่ใหล้เคียงคนจริงมากที่สุดเเล้ว เรื่องแรกและ




นี่คือผลงานที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งของ  Sony Pictures Imageworks ที่ทำให้หนังอย่าง The Lord of the Rings ,  Spider-Man , Harry Potter , I Am Legend , The Matrix Reloaded ...





The Polar Express - Trailer

The Polar Express_Behind the Scenes
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 26, 2020, 04:49:48 pm โดย TEAW »


---------------------------
   

Group: Global Moderator
Hero Member
*****

กระทู้: 1420
https://www.avelaclinique.com/
21.Babe (1995)




งานของ เบบนั้น ติดอันดับความยากในการตัดต่อช่วงสิบปีที่แล้วนะครับ การให้สุตว์พูดได้ในตำแหน่งปากและคำพูดไม่ได้พูดง่ายๆ เห็นง่ายๆ เพราะเคยดูตอนเบื้องหลังถ่ายทำนี่วิจิตรจริงๆ แต่ผมหารูปมาบรรยายไม่ได้ ไม่เจ๋งจริงไม่คว้าออสการ์ วิสชวลเอ้ฟเฟ็กต์มาหรอกครับ จากฝีมือบริษัทRhythm and Hues Studios ที่สร้างมาตอนนั้นยังไม่ถึงสิบปี  ผลงานเด่นๆก็มี valcano กับ waterworld  และล่าสุดที่กำลังเข้าคือ New Moon



 หลังจากภาคแรกของ babe ที่ทุนสร้างเพียง 20 กว่าล้าน แต่ทำเงินทั่วโลกไป 250 ล้าน สร้างปรากฎการณ์ หมูอภินิหาร ได้ทั้งเงิน และกล่องได้รางวัลมากมาย



เช่น If I Had Words รางวัลเพลงแกรมมี่ เข้าชิงและคว้าออสการ์จาก Academy Award for Visual Effects - Scott E. Anderson, Charles Gibson, Neal Scanlan, John Cox  เป็นที่กล่าวขวัญและกลายเป็นปรากฎการณ์ใหม่



หนังทำได้เนียน น่ารักน่าชมเชย แต่กรุณาอย่าได้ดูภาคสองเชียว ขอบอก เพราะ Babe 2 : Pig in the City 1998 ทุนสร้าง$90,000,000   ทำเงิน $18,314,860   คิดเป็น 20.4% เจ๊งไปซะ   $71,685,140




Babe (1995)

Babe Behind The Scenes - Making Animals Talk (1995) - James Cromwell Movie


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 26, 2020, 04:50:07 pm โดย TEAW »


---------------------------
   

Group: Global Moderator
Hero Member
*****

กระทู้: 1420
https://www.avelaclinique.com/
22.Forrest Gump (1994)





Forrest Gump ไม่ใช่หนังที่มีดีแค่ดราม่า หรือสกอร์เพลงเพราะๆเท่านั้น แต่มีในส่วนของเอฟเฟคซ์ระดับเทพที่เปลี่ยนแปลง ยกระดับการทำ Visual effect ที่โดดเด่นมากๆ



ย้อนมาดูตัวเพลงนิด ครับ ตัวหนังมีธีมเพลง ที่กลายเป็น ธีมคลาสสิคไปเเล้วนั่นคือ  Forrest Gump Theme Song  <The Feather >

Forrest Gump Theme by Alan Silvestri



ธีมที่เเต่งโดย Alan Anthony Silvestri ที่ทำออกมาได้นุ่มนวล ชวนเคลิ้ม ฟังกี่ทีก็ไม่เบื่อ
เพลงที่โดดเด่น ของ Alan Anthony Silvestri นอกจากเพลงนี้ก็มี ใน The Polar Express

Forrest Gump Trailer (Movie release: July 6, 1994)

เพลงนี้ได้รางวัลออสการ์ ในสาขา  Best Original Score ของตัวหนัง Forrest Gump (1994)
ธีมนี้ฟังเเล้วดูใสบริสุทธิ์เหมือนตัวฟอเรสเอง ตั้งเเต่ต้นจนจบครับผม




Tutorial: Forrest Gump Theme - Alan Silvestri

ไม่รู้จะบรรยายยังไงสิ เเต่เพลงนี้เป้นหนึ่งในเพลงมากมายที่มีคนนำไป cover ทั้งในเเบบ เปียโน ฟรู๊ต กีตาร์ มากที่สุดในยูทูปเเล้วครับ

ใครอยากฟังเพลงเพราะๆลองเข้าไปดูใน

https://www.route035.com/webboard/index.php?topic=172.0
หัวข้อ: 50 Best Theme and soundtrack from Movies 50 สุดยอดเพลงประกอบหนัง






ย้อนกลับมาที่ด้านเอฟเฟค ในหนังใช้บริการ Industrial Light & Magic  หรือ ILM





จุดเด่นในหนังคือ การที่ทอมแฮงค์ซึ่งเเสดงเป็น ฟอเรสกั้ม ได้ทำการสัมผัสมือทักทายกับประธานาธิบดีเคนเนดี้ผู้ล่วงลับ นั้นใช้เทคนิคการซ้อนภาพเหมือนเมื่อก่อนคือการใช้ บลูสกรีน ที่ถ่ายผ่านฉากสีฟ้าแล้วมาซ้อนภาพอีกครั้ง ร่วมกับเทคนิคที่ชื่อ Chroma key (การรวมสองฉากที่ไม่เกี่ยวให้ซ้อนกัน ) ร่วมกับเทคนิค Image warping (การบิดภาพให้เปลี่ยนรูปยืดหด ขยายภาพ)


โดยการถ่ายทำให้เปลี่ยนการขยับปากให้เข้ากับบทสนทนาและสร้างภาพใหม่ซ้อนขึ้นมาแบบหนังเรื่อง Babe นัั่นล่ะครับ ส่วนภาพคู่ จอห์น เลนน่อน ปธด คนอื่นๆก็ใช้เทคนิคเเนวทางเดียวกัน




อีกฉากที่เด่นมากมายคือ การที่ทำให้แกรี่ซีนีส ถูกตัดไม่มีขา นั่นก็ใช้เทคนิค บลูสกรีน แต่ผ่านคอมพิวเตอร์ความละเอียดสูงมาก  สิริรวมเฉพาะฉากเอฟเฟคซ์ในหนังใช้เวลาทำกว่า 1ปี ครับ



Cinema Magic Ep. 1: Forrest Gump

[1/2]ForrestGump อัจฉริยะปัญญานิ่ม

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 26, 2020, 04:50:34 pm โดย TEAW »


---------------------------
   


 

Theme © PopularFX | Based on PFX Ideas! | Scripts from iScript4u เมษายน 25, 2024, 07:56:16 pm